น้ำมา..ธุรกิจเปลี่ยน”บางบัวทอง-รังสิต”ทำเลเคยคึก


อิทธิฤทธิ์ “น้องน้ำ” ไม่ได้สร้างความสูญเสีย เสียหายเพียงอย่างเดียว แต่ได้ส่งผลถึงสินค้าหลายชนิดอาจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่ และทำให้บางแบรนด์โดดเด่นขึ้นทันตา ที่เกี่ยวเนื่องโดยตรง เห็นชัดสุดน่าจะเป็นบ้าน รถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์

เพราะพื้นที่ถูกน้ำท่วมขังสูงระดับ 1-2 เมตร ล้วนแต่เป็นทำเลทองของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แทบทั้งสิ้น อย่างย่านบางบัวทอง พุทธมณฑล รังสิต ปทุมธานี ฯลฯ ถูกท่วมต้นๆ ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว ระดับน้ำยังสูงเป็นหลักเมตร

โซนดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยบูมสุดสุด มีคนกรุงเข้าไปจับจองซื้อเป็นที่อยู่อาศัย กลายเป็นทำเลทอง บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งหมายปองขึ้นโครงการ จนปัจจุบันก็ยังมีโครงการขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง

แต่มาวันนี้ โซนทำเลทองเหล่านี้ไม่มีผืนไหนไม่สัมผัสน้ำ ทำให้สงสัยว่าหลังน้ำลดและเหตุการณ์กลับคืนสู่ปกติแล้ว โซนน้ำท่วมสูงจะยังเป็นทำเลทองให้คนกรุงโหยหาอยากจับจองเป็นเจ้าของอีกหรือไม่

′บางบัวทอง-รังสิต′จำไปนาน

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ทำให้ผู้ซื้อบ้านต้องทบทวนความคิดใหม่ เพราะไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ คาดว่าทำเลน่าจะได้รับความนิยมจากนี้ไปคือย่านน้ำไม่ท่วม ไม่ว่าจะเป็นเขตประเวศ บางนา ปากเกร็ด หรือโซนกรุงเทพฯชั้นใน ส่วนย่านบางบัวทองและย่านรังสิต คงอยู่ในความทรงจำของประชาชนไปอีกนาน เพราะเป็นด่านแรกรับน้ำ อีกทั้งน้ำสูงถึง 1-2 เมตร

น้ำท่วมครั้งนี้พิสูจน์ว่าตรงไหนบริหารจัดการได้ดีบ้าง ทำให้ทั้งคนซื้อและคนขายต้องคิดหนัก และหันไปซื้อพื้นที่น้ำท่วมไม่ถึง คอนโดมิเนียมจะได้เปรียบกว่าแนวราบ เพราะส่วนใหญ่สร้างในเมือง เชื่อว่าจากนี้ไปโครงการแนวราบต้องถมดินให้สูงขึ้น รูปแบบอาคารก่อสร้างจะต้องยกเสาสูงอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อหนีน้ำ

สำหรับราคาที่ดินและราคาบ้านโซนน้ำท่วม นายธำรงเห็นว่าอาจปรับลดลงประมาณ 30-40% เพราะคนคงจะซื้อยากขึ้น ยกเว้นว่าจะมีความผูกพันกับแถวนั้นเป็นพิเศษ และผู้ประกอบการไหนนำจุดขายเรื่องเลค หรือบ้านริมน้ำ คงเลิกสร้างไปอีกนาน เพราะคนขยาดไปแล้ว

เช่นเดียวกับนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เห็นว่า ราคาที่ดินถูกน้ำท่วมจะตกลง 20% โดยเฉพาะในทำเลเคยคึกคัก อย่างถนนราชพฤกษ์ และที่ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก่อนหน้านี้ราคาที่ดินปรับขึ้นไปมากแล้ว

ส่วนนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กลับเห็นต่าง มองว่าความนิยมของการอยู่อาศัยในทำเลยยอดฮิต ทั้งย่านบางบัวทอง รังสิต ปทุมธานี จะเปลี่ยนแปลงไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และจะกลับคืนปกติได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน คนอาศัยอยู่บางบัวทอง หรือบางใหญ่ หรือปทุมธานี คงไม่ข้ามเขตไปอยู่ย่านพระราม 2 หรือย่านอื่นๆ ที่น้ำไม่ท่วม เพราะการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยจะมีเรื่องของวัฒนธรรม แหล่งงาน และสถานที่ทำงาน เข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจซื้อด้วย แน่นอนว่าในระยะสั้นราคาที่ดินจะปรับตัวลง แค่เล็กน้อยประมาณ 5-10% และยอมรับว่าการซื้อขายอาจเกิดขึ้นได้ยาก ผู้ประกอบการจะชะลอเปิดโครงการจนถึงไตรมาส 2 ปีหน้า รอคนตั้งสติก่อน

ช่วงแรกๆ ลูกค้าอาจช็อกทำให้เกิดการชะลอการซื้อขาย และลูกค้าอาจเลือกพื้นที่และทำเลเสี่ยงต่ำ แต่ระยะหนึ่งเมื่อลูกค้าตั้งสติได้ว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องของภัยพิบัติ ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติ หากไม่ป้องกันอะไรเลย เชื่อว่ากรุงเทพฯทั้งหมด โดยเฉพาะชั้นในจะถูกท่วมเหมือนกัน แต่ที่รอดมาได้เพราะมีการทุ่มเทการป้องกันอย่างเต็มที่

ยอดโอนบ้านเดี่ยวชะลอตัว80%

นอกจากนี้ นายอิสระยังเชื่อว่าคงไม่เกิน 1 ปี น่าจะกลับมาดีได้เหมือนเดิม แต่ขึ้นกับรัฐบาลด้วยว่าจะทำอย่างไรในการจัดการบริหาร นำพาประเทศ แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลให้ความสนใจการสร้างความมั่นใจกับนักลงทุนต่างชาติ ยังไม่หันกลับมามองเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่อยู่อาศัย คาดว่าช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ยอดโอนที่อยู่อาศัยแนวราบน่าจะชะลอตัวประมาณ 80% ขณะที่คอนโดมิเนียมน่าจะชะลอตัวประมาณ 30% แต่ถือว่าเป็นผลกระทบเฉพาะหน้า

สิ่งที่นายอิสระอยากเห็นมี 3 เรื่อง คือ 1.ภาครัฐและหน่วยงานท้องถิ่น จังหวัดต่างๆ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะต้องประสานงานที่ดี ต้องหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันน้ำท่วมร่วมกัน เพราะหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ซ้ำอีก เชื่อว่าจะทำให้เกิดเป็นจลาจลได้

2.ผู้ประกอบการต้องปรับตัว ต้องวางระบบป้องกันโครงการของตัวเองระดับหนึ่ง ต้องมีระบบหน่วงน้ำ และ 3.ผู้ซื้อต้องมีข้อมูลพิจารณาเปรียบเทียบ ต้องเตรียมพร้อมรับมือหากเกิดปัญหาขึ้นอีก

ขยาด′บิลด์-อิน′ไปอีกนาน

ไม่เพียงธุรกิจบ้านจัดสรรเท่านั้นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงหลังน้ำลด ยังมีสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำที่ต้องเปลี่ยนเหมือนกัน อย่างเฟอร์นิเจอร์ คนไทยโดยเฉพาะคนมีตังค์ ปลูกบ้านหรู มักนิยมเฟอร์นิเจอร์บิลด์-อิน เพราะสามารถกำหนดได้ตามแบบบ้าน แต่มีข้อเสียที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เหมือนเฟอร์นิเจอร์แบบน็อกดาวน์ ดังนั้น น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้บ้านที่ใช้เฟอร์นิเจอร์บิลด์-อินจึงไม่สามารถป้องกันใดๆ ได้เลย จึงเชื่อว่าหลังน้ำลดบ้านถูกน้ำท่วมต้องซ่อมแซมหรือบูรณะใหญ่ เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวจะเป็นที่นิยมแทน บิลด์-อินอาจถูกลืมไปอีกนาน นับเป็นโอกาสทองของแบรนด์ดั้งเดิมของไทย ไม่ว่าจะเป็นเอสบี เฟอร์นิเจอร์ หรืออินเด็กซ์

ขณะเดียวกัน แบรนด์ “อีเกีย” แบรนด์นอกเพิ่งเปิดตัวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ถือว่ามาแบบถูกจังหวะ เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง มีน้ำหนักเบา สามารถยกหนีน้ำได้ จึงไม่แปลกเฉพาะวันเปิดตัวเกิดปรากฏการณ์คนแห่ช็อปเกือบ 30,000 คน

แต่ใช่ว่าจะมีข้อดีทั้งหมด เพราะความแข็งแรงคงทุนหรืออายุการใช้งานอาจจะไม่เท่าแบบอื่น เพราะส่วนใหญ่ผลิตจากปาติเคิลบอร์ด ไม่ใช่ไม้จริงเหมือนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ดังนั้น อยู่ที่การตัดสินใจของผู้ซื้อเองเพื่อให้คุ้มค่าเงินจ่ายออกจากกระเป๋า

′อีโคคาร์′หลบ′กระบะ′มาแรง

สำหรับรถยนต์เป็นสินค้าอีกชนิดที่โดนน้ำกระหน่ำอย่างหนัก เจ้าของรถต้องปวดหัว หาทางหนีให้พ้น จนเกิด “ฮาวทู” หนีน้ำขึ้นมาหลากหลายวิธี กรณีโดนน้ำประชิดหนีไม่พ้น ทำอย่างไรให้รถรอด ส่วนใหญ่มักจะเป็นรถเก๋งเล็ก เพราะที่ผ่านมาผู้บริโภคต้องเผชิญกับค่าน้ำมันแพงทำลายสถิติอยู่เรื่อยๆ ซื้อรถใหญ่ก็ซดน้ำมัน อีกทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังสนับสนุนให้คนหันมาใช้เก๋งเล็ก แจกเงินคืน 1 แสนบาท ในโครงการรถยนต์คันแรก เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1500 ซีซี ยิ่งจูงใจให้ซื้อ ส่วนรถประหยัดพลังงาน “อีโคคาร์” ค่ายนิสสันสตาร์ตก่อน ทดสอบตลาดด้วย “นิสสัน มาร์ช” ผ่านฉลุย ตลาดตอบรับดี ถึงขนาดผลิตในไทยส่งออกขายที่ญี่ปุ่นทีเดียว

ค่าย “ฮอนด้า” จึงขยับตาม ด้วย “ฮอนด้า บริโอ้” และยังมีค่ายอื่นกำลังจะส่งอีโคคาร์ลงแข่งด้วย สนามประลองวัดเรตติ้งก็คืองานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 28 หรือมอเตอร์เอ็กซ์โป ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่เมืองทองธานี

แต่ดูเหมือนแผนที่วางไว้ต้องเปลี่ยนใหม่ เมื่อเกิดเหตุอุทกภัยใหญ่ขึ้น

จับตาน้ำลดกำลังซื้อพุ่ง

ผู้ตั้งใจจะซื้อรถใหม่หลายคนเริ่มเปลี่ยนใจ จากเดิมตั้งใจซื้อรถเล็กเพื่อรับอานิสงส์โครงการรถคันแรกของรัฐบาล และเพื่อประหยัดน้ำมัน คำตอบใหม่หลังน้ำท่วม เริ่มลังเล อาจเปลี่ยนเป็นกระบะแทน เพราะได้รับอานิสงส์เหมือนกัน จนเรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ซื้อรถหลังน้ำลด รถกระบะแบบยกสูงได้รับความนิยมสูง ไม่ว่าจะเป็นขับเคลื่อน 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ทั้งแบบมีแค็บ หรือ 4 ประตู เนื่องด้วยเหตุผลทางจิตวิทยา กังวลว่า “น้องน้ำ” จะกลับมาเยือนอีก ตลอดจนภาพจากทุกช่องทางการสื่อสาร เป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบกลายๆ ถึงสมรรถนะการขับขี่ในทุกสภาวะแม้จะต้องลุยน้ำท่วมก็ตาม

แต่เทรนด์นี้ค่ายรถยนต์หลายแห่งยืนยันตรงกันว่า จะเป็นช่วงระยะสั้นๆ เท่านั้น ประมาณ 6 เดือน แม้ว่ามีผู้ทำนายแล้วว่า ปีหน้า “น้องน้ำ” อาจจะมาใหม่ เพราะยังไงก็ไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปจากตลาดรถยนต์นั่งแบบถาวรได้

แม้บทสรุปชี้ว่าเป็นพฤติกรรมชั่วคราว แต่ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายก็ปรับแผนหันมาเน้นการขายรถกระบะมากขึ้น ปรับลดสัดส่วนการขายของรถยนต์นั่งลง ตามกระแสตลาดรถปิกอัพเริ่มเปิดตัวรุ่นใหม่กันมากขึ้น ประกอบกับเป็นจังหวะเหมาะในช่วงน้ำมาก แต่ไม่ได้ละเลยความสำคัญของรถยนต์นั่ง สาเหตุเพราะว่าน้ำไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนทุกหัวระแหงทั้งประเทศ ยังมีจังหวัดอื่นๆ อีกมากไม่ได้รับผลกระทบ ความต้องการรถยนต์นั่งจึงยังมีอยู่ และยังเป็นตลาดหลักในความต้องการของผู้บริโภคโดยรวม

ดีไม่ดี หลังจากทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค สถานการณ์การผลิตของอุตสาหกรรมรถยนต์ รถยนต์นั่งจะดีดตัวขึ้นชนิดที่ว่าจะต้องตกใจกับตัวเลขก็เป็นได้ เพราะความต้องการอัดอั้นและมาตรการส่งเสริมแรงจูงใจของรถประหยัดพลังงานต่างๆ จะเป็นตัวกระตุ้น

ในระยะยาว ตลาดบ้าน-เฟอร์นิเจอร์-รถยนต์ จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร คงเป็นการบ้านของผู้ประกอบการต้องขบคิด แต่สำหรับผู้บริโภค ก็จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน อย่าเชื่อตามโฆษณาหรือกระแสเพียงอย่างเดียว

ไม่เช่นนั้นอาจเป็นการซ้ำเติม หลังจากโดนบทเรียนจาก “น้องน้ำ” อย่างสะบักสะบอมกันมาแล้ว

………….

โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ

เกี่ยวกับ landsforsale1

ศูนย์บริการรับฝากขาย ที่ดินทั่วประเทศไทย ทำการตลาดให้ฟรี เสนอตรงต่อลูกค้าที่ต้องการที่ดิน เสนอต่อนายทุน ต่อโครงการ เมื่อทำงานสำเร็จคิดค่าบริการ 3 % สนใจบริการ> ส่งข้อมูลรูปถ่ายแผนที่ โฉนดที่ดิน มาที่ 555landsforsale@gmail.com , adservice15@gmail.com
เรื่องนี้ถูกเขียนใน Uncategorized และติดป้ายกำกับ , , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น